"หงส์แดง" ลิเวอร์พูล เตรียมตัวเปิดแอนฟิลด์รอรับ แมนฯ ยูไนเต็ด เพื่อทำศึก "Red War" ครั้งที่ 192 ในประวัติศาสตร์ของทั้ง 2 สโมสร โดยที่ผ่าน ๆ มา ต่างฝ่ายต่างก็ผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะตามแต่ผลงานในตอนนั้น ๆ ทว่าศึกในครั้งนี้มันใหญ่หลวงนัก เนื่องจากว่าไม่ได้มีเพียงแค๋ศักดิ์ศรีของ 2 ทีมใหญ่เป็นเดิมพัน แต่ว่ามีพื้นที่ของศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ในฤดูกาลหน้าเป็นเดิมพันอีกด้วย
ในตอนนี้ตารางคะแนนของพรีเมียร์ลีกถือว่าอันดับ 2-4 ยังมีโอกาสสลับสับเปลี่ยนกันได้ทุกเวลาเพราะว่าแต้มมันจี้กันเหลือเกิน ส่วนจ่าฝูงอย่างเชลซีมีแต้มนำอยู่พอสมควร ขณะที่ แมนฯ ยูไนเต็ด อันดับ 4 มีคะแนนนำ ลิเวอร์พูล อันดับ 5 อยู่ 2 คะแนน แน่นอนว่าหากศึกแดงเดือดในครั้งนี้ ลิเวอร์พูล เป็นฝ่ายเอาชนะ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ ก็จะแซง ปีศาจร้ายแห่งแมนเชสเตอร์ ขึ้นไปเป็นอันดับ 4 ทันที ทว่าแพ้ล่ะก็ ยูไนเต็ด ก็จะหนี หงส์แดง ออกไปเป็น 5 คะแนนโดยปริยาย
ทั้ง 2 ทีมขับเคี่ยวกันมาตั้งแต่รุ่นคุณปู่ รุ่นคุณพ่อของเรา ๆท่าน ๆ
โดยผลงานของทั้งสองทีมในตอนนี้ถือว่าร้ายกาจไม่เบาทั้งคู่ แมนฯ ยูไนเต็ด เพิ่งเปิดบ้านไล่ยำใหญ่ สเปอร์ส มาแบบบอลคนละคลาสถึง 3-0 ส่วน ลิเวอร์พูล บุกออกไปเยือน สวอนซี ที่ ลิเบอร์ตี้ สเตเดี้ยม และสามารถเอาชนะทีมที่ได้ชื่อว่าแพ้ในบ้านยากที่สุดทีมหนึ่งด้วยสกอร์ 1-0
แน่นอนว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่ ศึกแดงเดือด อุบัติขึ้นเมื่อนั้นจะเป็นเกมการแข่งขันที่ ดุ เด็ด เผ็ด มัน เป็นพิเศษอยู่แล้ว ทว่านี่กลับมีพื้นที่ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก เป็นเดิมพันอีกด้วย งานนี้น่าจะเป็นเกมที่เร้่าใจสุด ๆ เพราะด้วยศักดิ์ศรีของทั้ง 2 ทีมก็ไม่มีใครยอมใครอยู่แล้ว ด้วยความสำเร็จที่สั่งสมมาของทั้ง 2 ทีม ทำให้ไม่มีใครยอมใคร
แน่นอนว่าความดุเดือดของศึกแดงเดือดมีให้เห็นกันในทุกยุคทุกสมัย
เจ้าบ้านเป็นเจ้าของแชมป์ลีกสูงสุดอังกฤษ 18 สมัย พร้อมด้วยจำนวนแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 5 สมัย ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนแชมป์ยุโรปที่สูงที่สุดมากกว่าทีมใด ๆ บนผืนแผ่นดินเกรต บริเทน ขณะที่ทีมเยือนที่ครองความยิ่งใหญ่มาตลอดนับตั้งแต่ยุค 90 ก็เป็นเจ้าของสถติแชมป์ลีกสูงสุดบนผืนแผ่นดินอังกฤษด้วยจำนวน 20 สมัย
งานนี้ทั้งศึกแห่งศักดิ์ศรีที่ไม่เคยมีใครยอมใคร ทั้งศึกแห่งการเดิมพันพื้นที่ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก แน่นอนว่าศึกครั้งนี้จะเลือดพล่านกว่าครั้งไหน ๆ แล้วใครจะเป็นผู้ชนะใน "แดงเดือด" ครั้งนี้ รอชมกันได้ในวันอาทิตย์ที่ 22 มี.ค. ที่จะถึงนี้ เวลา 19.45 น.
ขอบคุณข้อมูลจาก espnfc.com
ภาพข่าว AFP, liverpoolfc.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น